[Agoda Internship Life 2020] — COVID Edition

Thaweesak Saiwongse
4 min readNov 26, 2020

--

Agoda Internship Life สไตล์เด็กเป็ด

เราโน้ตเอง!

วันนี้เราก็อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ที่มีโอกาสได้เข้าฝึกงานในบริษัท Tech ระดับท๊อปๆ อย่าง Agoda ที่เราเองก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะมีโอกาสมาฝึกงานที่ดีแบบนี้เป็นระยะเวลา 2 เดือน รวมถึงบรรยากาศการฝึกงานแบบ Covid Edition! ขอฝากบทความแรกในชีวิตของเราด้วยนะครับ!

อาร์ม, ยี่, อ๊อฟ, โน้ต(เราเอง !), แฟล์ป

โน้ตไหนวะ!?

เกริ่นกันก่อนดีกว่า เราเรียนอยู่วิศวกรรมคอมพิวเตอร์หลักสูตรนานาชาติ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือ “ บางมด ” นั่นเอง ก่อนอื่นเลย ทุกคนครับ บางมดอยู่ฝั่งธนบุรีนะครับ บางมดไม่มี Airport link และทางรถไฟนะครับ ที่สำคัญ บางมดไม่ใช่ลาดกระบังนะครับ ขอบคุณครับ 55555+

Agoda Interview 101

ตัดกลับมาช่วงปลายปี 2019 ตอนกำลังมองหาที่ฝึกงานก็มาเจอกับ Agoda เข้า ซึ่งตอนแรกก็รู้สึกไม่มั่นใจแหละ เพราะว่าเราเป็นนักศึกษาที่จบตามหลักสูตรแบบเป๊ะๆๆ ก็คือเค้าสอนอะไรมารู้เท่านั้นแหละ คิดว่าตัวเองไม่ได้เก่งมากมาย แต่ก็ลองส่งไปก่อนผ่านทางเว็บไซต์เผื่อมีลุ้น ละนั่นแหละครับ โดนเรียนสัมภาษณ์เฉย… 55555+

ตอนสัมภาษณ์นั้นเราได้เจอกับ Manager ของเราเลยนั่นก็คือพี่ Joel ที่มาสัมภาษณ์เราโดยตรงเลย โดยบรรยากาศการสัมภาษณ์เรียกได้ว่าดีมากๆ เหมือนกับเรามานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเฉยๆ เค้าอยากรู้ประสบการณ์และสิ่งที่เราทำมา เราก็อธิบายโปรเจคที่เคยทำวิชาที่เคยเรียนไป ประมาณนี้ครับ สิ่งที่แตกต่างกับที่อื่นที่เคยสัมภาษณ์มาจากบางบริษัทก็คือ ที่นี่ค่อนข้างจะให้ค่ากับความสามารถและศักยภาพของเราจริงๆ ไม่ใช่แค่ดูเกรด และไม่กดดัน Candidate มากเกินไป เป็นการคุยกันของคนที่มีโอกาสมาร่วมงานกันจริงๆ ไม่ใช่บรรยากาศที่เราเข้าไปสัมภาษณ์เพื่อโดนกรรมการกดลงครับ อ๋อ! ลืมบอกอีกอย่าง ก่อนจะสัมภาษณ์กับ Joel โดนสอบเขียน Live Demo Code ด้วยแหละ ก็คือเขียนโค้ดสดนั่นแหละครับ ให้โจทย์ 1 ข้อ 1 ชั่วโมง เขียนภาษาอะไรก็ได้ วัดความรู้ด้าน Object-oriented programming เน้นๆครับ ซึ่งจุดนี้ที่ประทับใจการสัมภาษณ์ที่ Agoda ก็คือ หลังจากที่สอบเขียนโค้ดไปแล้ว เรารู้สึกเลยว่าเราทำได้ไม่ดีมากๆ คือถอดใจไปแล้วอะ 5555+ ประมาณว่าเขียนไม่เสร็จ ไม่เสร็จแบบ Deliver อะไรออกไปแทบไม่ได้เลย แต่พยายามใช้ทุกอย่างที่มีในหัวไปแล้ว และตอนคุยกับ Joel ก็ดันไปสารภาพกับเค้าว่ารู้สึกทำได้ไม่ดี แต่สิ่งที่ ( ว่าที่ ) Manager ของเราตอบกลับมาว่า

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าทำได้ไม่ดีเราไม่ได้มาคุยกันตรงนี้หรอก เพราะฉะนั้นสบายใจได้” — Joel Dickson

นั่นแหละครับ ประทับใจตั้งแต่สัมภาษณ์แล้ว โดน Agoda ตกไปเกินครึ่งตัวจากการสัมภาษณ์ครั้งนี้ หลังจากนั้นคิดเลยว่า ต่อให้ไม่ติดก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆแล้ว…. แต่ก็นั่นแหละครับ ติดเฉย เย้!

มาถึงตรงนี้อยากจะฝากหลายๆคนที่อาจจะเป็นเหมือนเรา ก็คือเป็นลูกเป็ดในสาย IT คือเรียนตามหลักสูตร เรียนได้เรียนเข้าใจ แต่ไม่เคยได้ลองทำงานจริงๆและไม่มั่นใจเลยว่า

ถ้าเราปิดกั้นโอกาสตัวเองตั้งแต่แรก โอกาสมันก็เป็น 0 ครับ เพราะฉะนั้นขอแค่ลองดู อย่างน้อย 1 เปอร์เซ็นต์มันก็ย่อมดีกว่า 0 เปอร์เซ็นต์แน่นอน

TEAM : NHA-Chalet

เราเลยได้มีโอกาสมาทำงานมาเป็น Full Stack Developer ในทีม NHA (NonHotel Accommodation ) ซึ่งก็คือดูแลเกี่ยวกับ Product ที่ชื่อ Agoda Homes ที่เป็นการให้เช่าที่พักจำพวก Home stay คล้ายๆ Airbnb นั่นแหละครับ ซึ่งความรู้ที่ใช้ก็จะเป็นพวก C# กับ React.js เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนอกจากเราแล้วยังมีเพื่อนอีก 4 คนรวมเป็นเด็ก Intern ทั้งหมด 5 คนใน ซึ่งเมเนเจอร์ก็ให้เราฟอร์มทีมเด็กฝึกงานขึ้นมาใหม่เลยด้วยชื่อสุดเท่ของเราอย่าง Chalet ซึ่งแปลว่ากระท่อม โดยมีพี่ๆในทีมคอยแวะเวียนกันมาดูแลกันแบบใกล้ชิดตลอดระยะเวลา 2 เดือนครับ

ลืมบอก ! ฝึกงาน Agoda เนื่องจากเป็นบริษัทต่างชาติ เราจึงจะค่อนข้างได้ใช้ภาษาอังกฤษประมาณ 80% เลยครับ เพราะภาษา Default คืออังกฤษ ดังนั้นเวลาพิมพ์อะไรใน Slack หรือการสื่อสารกับคนอื่นก็จะมีอังกฤษเป็นหลัก จะได้ใช้ไทยก็แค่พวกปรึกษาพี่ๆคนไทยด้วยกัน หรือคุยกันเองเท่านั้นแหละครับ ถือว่าเป็นโอกาสฝึกภาษาอังกฤษที่ดีมากๆเลย

First little step.

โดยอุปสรรคของการฝึกงานในครั้งนี้เลยก็คือ Covid-19 อย่างที่ต้นเรื่องว่าไว้ว่าเป็น Covid Edition ครับ ทำให้ในช่วงแรกๆนั้นเราต้อง Work From Home อยู่บ้านกันอย่างเหงาๆ แต่ก็ถือว่าเป็นการฝึกงานที่ค่อนข้างเรียลดีครับ 55555+ ในช่วงสองสัปดาห์แรกของการฝึกงาน จะเป็น Training Session จากทางทีมที่จะมาสอนเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เช่น Javascript, Object Oriented, การสร้าง API, React+Redux เบื้องต้น, Git, Docker เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้สามารถทำงานได้เร็วครับ นอกไปจากนั้นยังมีการสอนเกี่ยวกับ Scrum process ที่ใน Agoda จะใช้กัน รวมถึงการทำ Pairing Programming และ การให้ Feedback และ การสื่อสารที่ดีในทีมด้วยครับ เรียกได้ว่าสองอาทิตย์แรกคือเป็นนักเรียนโรงเรียน Agoda เลยทีเดียว

Agoda Home และ สภาพการ WFH ในแต่ละวัน

yarn NHA-Chalet start

ต่อมาหลังจากคลาสเรียน เราก็ได้เริ่มทำงานกันจริง ๆ ซักที โดยจะแบ่งเป็นทั้งหมด 3 Sprint โดยแต่ละ Sprint ใช้เวลา 2 สัปดาห์ รวมเป็นทั้งหมด 6 สัปดาห์ที่เหลือครับ โดยการทำงานนั้นก็ทำตาม Scrum Process แบบจริงจังเลยทีเดียว มีทั้ง Product Owner เข้ามาให้โจทย์ มีวางแผน Sprint มีประชุม Stand up Meeting เพื่ออัพเดทกันทุกเช้า มีการทำ Retrospective เพื่อสรุป Sprint ที่ผ่านมา เรียกได้ว่า Scrum ที่ได้เรียนจากในห้องเรียน มาใช้ตรงนี้แบบจริงๆ 300% ไปเลย!

ความสนุกมันมากขึ้นเมื่อหลังจากจบ Sprint แรกเราก็มีโอกาสได้เข้าออฟฟิศเนื่องจาก สถานการณ์ Covid-19 ในประเทศดีขึ้นแล้วและออฟฟิศ Agoda ก็เปิดแล้วด้วย! ในที่สุดเราก็ได้เลิกหมกตัวอยู่ในบ้านและออกเดินทางมายัง Central World กันซักที กับการทำงานใน 2 Sprint ที่เหลือด้วยครับ โดยที่ออฟฟิศ Agoda นั้นคือ Very good มากๆ มี Pantry ทุกชั้นที่สำคัญ มีซีเรียล มีชา มีกาแฟ มีผลไม้ ซึ่งแน่นอนครับว่าทั้งหมด FREE! เรียกได้ว่าอดข้าวเช้าไปกินซีเรียลที่บริษัททุกวันอะครับ 555555

วันๆของ NHA Interns ก็อยู่กันประมาณนี้แหละ !

สิ่งที่สังเกตเห็นถึงความแตกต่างระหว่างการ WFH กับการทำงานที่ Office เลยก็คือ การอยู่ที่ Office เราคุยกับคนอื่นง่ายขึ้นมากๆครับ ติดปัญหาอะไรตรงไหนก็แค่เดินไปถาม ได้มีการเม้ามอยต่างๆเยอะแยะ ทำให้เราสนิทกับคนในทีมมากขึ้น และรวมถึงพี่ๆคนอื่นที่คอยดูแลเราด้วย การประชุมต่างๆก็เห็นหน้าเห็นตากัน มันกระตุ้นให้เราทุกคนได้ออกความเห็นกันจริงๆจังๆครับ ไม่เหมือนตอน WFH ที่คอลกันแต่ก็เต็มไปด้วยความเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรกันดี 55555+ ทำให้งานเราเดินไปได้เร็วมากกว่าที่คิดครับ

สิ่งที่ประทับใจมากๆใน Culture ของ Agoda อีกอย่างหนึ่งก็คือ การ Take Ownership ครับ ที่นี่ เราจะไม่เกี่ยงว่างานนี้คืองานของใคร ถ้างานไหนมีปัญหา หลายๆทีมก็จะมาช่วยกันแก้ไข คือทุกคนมองว่านี่คือ Product ของ Agoda เราจะช่วยมันพัฒนาให้ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นงานของเราโดยตรงหรือไม่ บางครั้งที่ออฟฟิศ เวลาที่มีปัญหาด่วนร้ายแรงอะไร พี่ๆ หลายๆคนจะถูกเรียกไปรวมกัน เพื่อแก้ไขปัญหานั้นด้วยกันครับ หรือสิ่งที่เราได้ทำกันเองเลยจริงๆก็คือ มันมีงานนึงที่ต้องไปอาศัย Resource ของทีมหลังบ้านที่ทำอยู่ ซึ่งตรงจุดนั้นมันมีปัญหา ในทีมเราเลยไปเปิด Pull Request เพื่อแก้ปัญหานั้นเองเลย ไม่ต้องรอให้เจ้าของงานนั้นเค้ามาแก้เอง ซึ่งบางทีเค้าก็มีงานอื่นที่มี Priority สูงกว่าอยู่ ทำให้งานมันเดินได้ไวมากขึ้นครับ

Chalet in Demo Day

และอย่างสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงใน NHA นี้ก็คือ Demo Day ที่จะจัดขึ้นทุกๆเดือน ที่จะเป็นการให้แต่ละทีมออกมาอัพเดทงานในเชิง Product ว่าเดือนที่ผ่านมาทำอะไรกันไปบ้าง ซึ่งสำหรับทีม Chalet ของเรานั้นก็ส่งตัวแทนออกไปพูดด้วยวิธีสุดคลาสสิคนั่นก็คือ…. การสุ่มนั่นเอง! และคนที่ถูกสุ่มให้ไปพูดนั่นก็คือ…. เรานั่นเองครับ 5555555 เรียกได้ว่าโคตรตื่นเต้น เพราะว่ามันคือการสุ่มก่อนออกไปพรีเซนต์จริงๆ ประมาณ 30 นาที งานโคตรเผา หลังจากสุ่มได้คือรีบทำความเข้าใจงานทั้งหมดก่อนเลยครับว่าจะพูดว่าอะไรดี เพราะว่าบางงานเราก็ลืมๆไปแล้ว บางงานก็คือเราเป็นคนเขียนจริงๆ แต่เราก็ลืมมองในมุมกว้างๆ ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เราทำไปมันได้ Launch product อะไรออกไปจริงๆ

ซึ่งใน Demo Day นี้ เราก็จะเจอกับพี่ๆทุกคนในทีม NHA หลายสิบชีวิต ที่มาพรีเซนต์และมาฟังเราพรีเซนต์ด้วย ทั้ง Manager และตัวละครลับมากมายก็มาฟังเราทุกคน ตื่นเต้นมือไม้สั่นไปหมดเลย55555+ แต่ผลออกมาก็คือดีกว่าที่คาดไว้ หลังจบ Demo พี่ที่ดูแลทีมเราก็มาบอกว่า Very good มากๆ 55555 เค้าบอกว่าเราทำได้ดีมากๆ พรีเซนต์ได้ชัดเจน รออะไรหละครับ ปลื้มปริ่มสิ ปรบมือดังๆซักสองสามที! เหมือนเราไม่ใช่แค่เด็กฝึกงาน แต่เราคือ NHA Full Stack Developer จริงๆเลย

ส่วนตัวคิดว่าที่ดีที่สุดของการฝึกงานในทีมนี้คือ เราได้ทำงานจริงๆ แทบทุกอย่างเราเหมือนเป็นพนักงานของ Agoda จริงๆ ได้สัมผัสประสบการณ์จริง ทำงานในโปรเจคจริงๆ ต้องติดต่องานข้ามแผนกกันจริงๆ ได้เห็นผลงานของเราขึ้น Production จริงๆ และที่สำคัญ! ได้ทำ Production แตกจริงๆด้วย! เล่นเอาพี่ QA ในทีมถึงกับกำหมัดเลยฮะ 5555555

ภายซ้ายกับ Manager Joel ภาพขวากับ พี่ปิ๊ง(ข้างขวาแฟล์ป) ซึ่งคอยดูแลทีม

Intern Session + Pitch Competition

นอกจากการฝึกงานที่แผนกปกติแล้ว ทาง Agoda People Team ที่ดูแลเรื่อง Internship ยังมีการจัดโปรแกรมสำหรับเด็กๆฝึกงานอีกด้วย นั่นก็คือพวก Intern Session ที่จะเชิญพี่ๆจากทีมต่างๆ มาบรรยายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้เรารู้จัก Agoda มากขึ้น ว่าแต่ละส่วนเขาทำอะไรกันบ้าง นี่ก็เป็นอีกอย่างนึงที่ดีมากๆในการฝึกงานครั้งนี้ คือเราได้รู้มากกว่าแค่ Tech ที่เราทำงานอยู่ ได้ฟังข้อมูลจากทางด้านของฝั่ง Business บ้างว่าตอนนี้ Agoda กำลังทำอะไรและทำกันอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างเปิดโลกเด็กสาย Tech อย่างเรามากเลยครับ

หลังจากฟัง Intern Session: Agoda Business Talk Series จากหลากหลายแผนกจบไป ก็ได้เวลาของอีกกิจกรรมนึงนั่นก็คือ Pitch Competition ที่จะเป็นการให้เรารวมกลุ่มกับเพื่อนจากแผนกอื่นๆ รวมเป็นทีม 5 คน และคิดไอเดีย Product ที่ Agoda ควรทำหลังจากเหตุการณ์ Covid-19 ซึ่งผลจากการคุยกันก็คือเราทำเกี่ยวกับการ Recommend อาหารที่อยู่ใกล้ๆที่พัก ซึ่งแนวคิดของทีมเราคือการทำให้ Agoda.com เป็นที่ๆรวมทุกอย่างไว้ในการท่องเที่ยวในเว็บไซต์เดียว! และแน่นอนว่าทุกทริปที่ทุกคนไปก็ต้องมีเรื่องของกินมาเกี่ยวของอยู่แล้ว!

Food Thingy and P’Sam, The winner!

ซึ่งในการทำโปรเจค pitch ครั้งนี้เราก็ได้ Mentor สุดเก่งอย่างพี่แซมมาช่วยเราพัฒนาไอเดียของเราครับ ซึ่งบอกเลยว่าที่ได้ที่ 1 นี่เครดิตพี่แซมเยอะมาก ทุกคำแนะนำของเขาคือมีประโยชน์ที่สุด!

นอกจากนี้แล้วโปรเจคนี้ก็ทำให้เราได้รู้จักกับเพื่อนต่างแผนกและต่างมหาลัยมากขึ้น โดยทีม Food Thingy นี้มาจากบางมด 2 คน และจุฬาฯ 3 คนเลยแหละ ซึ่งในวัน Pitch ก็ตื่นเต้นมากๆเลย มีกรรมการที่เป็นคนใหญ่คนโตจากสาย Tech มาฟังกันถึง 3 ท่าน รวมทั้งยังมี Manager จากทีมต่างๆเข้ามาฟังด้วย ที่ตื่นเต้นคือคุณพี่ Tim Hughe ที่เป็น Vice-President ของ Agoda เข้ามานั่งเนียนๆอยู่ด้วยครับ 555555 ถึงแม้ว่าตอนขึ้น Pitch เราจะไม่ได้ขึ้นพูด เพราะส่งตัวแทนไปแล้ว 2 คน แต่ก็คอยลุ้นเอาใจช่วยเพื่อนๆเต็มที่ เพื่อนทุกคนเก่งมากเลย

สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณพี่ๆทุกคนที่มีส่วนร่วมกับการฝึกงานครั้งนี้ ที่มอบประสบการณ์ดีๆ และแนวคิดต่างๆให้กับเด็กมหาลัยคนนึงมากมาย คอยดูแลตลอด ไม่ว่าจะเจองานยากๆ ทำให้เราเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของพี่ๆ จริงๆ ทำให้เรารู้ว่าการทำงานเป็นทีมนั้นเป็นมากกว่าแค่การทำงาน แต่คือการเอาใจใส่ในทุกขั้นตอน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดขององค์กร ขอบคุณคำว่า “There are no stupid question in Agoda” ที่พี่ๆทุกคนรวมทั้ง Manager คอยพูดมาตลอด ทำให้เด็กเป็ดคนนี้ กล้าที่จะถามคำถามโง่ๆ ทำให้เราได้เติบโตและเรียนรู้เป็นเด็กเป็ดที่แข็งแรงต่อไป ขอบคุณเพื่อนๆในทีม Chalet ที่คอยช่วยเหลือกันเสมอ เราได้เรียนรู้ทั้ง Hard skill และ Soft skill จาก กระท่อมน้อยฝึกงาน Chalet นี้จริงๆ ขอบคุณ Granula และ Corn flakes ที่ให้แรงทุกเช้า ที่สำคัญ ขอบคุณพี่ๆ People Team ที่คอยประสานงานและดูแลเด็กๆ ให้มาเป็นชาว Agodan อย่างแข็งแรงและสมบูรณ์ครับ

สุดท้ายของสุดท้าย สำหรับใครที่สนใจจะฝึกงานหรือทำงาน และลองมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ในวัฒนธรรมองค์กรดีๆสไตล์ International ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูงอย่างที่ Agoda สามารถไปส่องได้เลยที่ Careers at Agoda ครับผม!

Note, Thaweesak Saiwongse, Computer Engineering @ KMUTT, เด็กเป็ดใน NHA Full Stack Developer, Agoda Internship 2020.

Thank you for a wonderful internship experience. ❤

--

--

Thaweesak Saiwongse
Thaweesak Saiwongse

Written by Thaweesak Saiwongse

0 Followers

Computer Engineering Student @ KMUTT.

Responses (1)